เมื่อ Microsoft หันมาบุกตลาดสุขภาพด้วย Microsoft Band
ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมากสำหรับตลาด Gadget ในไทยปี 2015 นี้ เพราะทาง Microsoft ผู้พัฒนาซอร์ฟแวร์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกหันความสนใจมาทางด้านตลาดสุขภาพด้านการออกกำลังกาย และได้ทำการส่ง Microsoft Band สุดยอดสายรัดข้อมืออัจฉริยะที่จะช่วยให้การออกกำลังกายของผู้ใช้ง่ายดายขึ้น ซึ่งมาพร้อมกับระบบอำนวยความสะดวกมากมาย
เจ้า Microsoft Band ที่ว่านี้จะทำหน้าที่เหมือนกับ Fitness Tracker คือ มีการตรวจจับกิจกรรมต่างๆ ของร่างกายในการออกกำลังกายเหมือนกับ Fitness Tracker ทั่วไปที่มีอยู่ในตลาดแล้ว สิ่งที่ Microsoft เสริมเข้าไปอีกก็คือ เรื่องของการมีแพลตฟอร์มที่ดีกว่า และสามารถทำงานได้ทั้งบน Android, iOS และ Windows Phone ซึ่งมีเซ็นเซอร์อัจฉริยะภายในจำนวนมาก และสามารถใช้งานติดต่อกันได้นานถึง 48 ชั่วโมงต่อการชาร์จเพียงแค่ครั้งเดียว
ในส่วนของเสป็คและความสามารถของเจ้า Microsoft Band ก็คือ
– ตัวเรือนเป็น Thermal plastic elastomer ตัวสายคาดมีด้วยกัน 3 ขนาดให้เลือก สามารถปรับขนาดได้เล็กน้อย ซึ่งส่วนนี้มีคำแนะนำว่าให้เลือกขนาดสายให้พอดีตั้งแต่ตอนที่ซื้อ เพราะถ้าขนาดสายไม่พอดีอาจจะทำให้ระบบเซ็นเซอร์มีการอ่านค่าที่คาดเคลื่อนได้นั่นเอง
– หน้าปัดเป็น TFT แบบ Capacitive มีขนาดหน้าจอ 1.4 นิ้ว (11 X 33 มม.) ความละเอียดของหน้าปัดอยู่ที่ 320 x 106 พิกเซล
– แบตเตอร์รี่ใช้แบบ Lithium ion ขนาด 100 mAh 2 ก้อน สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 48 ชม. สำหรับการใช้งานปกติ
– ระยะเวลาในการชาร์จ 1.5 ชั่วโมง
– Microsoft Band มีน้ำหนักประมาณ 60 กรัม ซึ่งถือว่าเบามาก เพื่อให้เหมาะกับการออกกำลังกายนั่นเอง
– สำหรับเจ้า Microsoft Band นั้น มีหน่วยความจำภายใน 64 MB และใช้การประมวลผลของ CPU : ARM Cortex M4 MCU
– สามารถทำงานได้ที่สภาวะความสูงไม่เกิน 12,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล และทำงานได้ที่อุณหภูมิประมาณ -10 ถึง 40 องศาเซลเซียส
– สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วยระบบ Bluetooth 4.0
ความสามารถในโหมดของเซ็นเซอร์และการออกกำลังกาย
– มี Optical heart rate sensor สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
– มีระบบ 3-axis accelerometer/gyro วัดความเร็วและความเร่งของอุปกรณ์ได้
– ระบบ Gyrometer สำหรับวัดความเร็วเชิงมุม
– มีระบบค้นหา GPS สำหรับการจับตำแหน่งของอุปกรณ์และตัวผู้ใช้งาน
– ติดตั้งระบบ Ambient light sensor ซึ่งเป็นตัววัดและปรับความสว่างหน้าจอให้เหมาะสมได้
– มีระบบ Skin temperature sensor เซ็นเซอร์สามารถจับอุณหภูมิของผิวหนังได้
– UV sensor เซ็นเซอร์สามารถสัดแสงและค่า UV รวมไปถึงการเตือนขณะที่มีค่า UV เกินกว่าที่กำหนด (ผู้หญิงชอบ)
– ติดตั้งระบบ Galvanic skin response เซ็นเซอร์พิเศษที่ใช้สำหรับการวัดกระแสไฟฟ้าจากของเหลวบริเวณผิวหนัง หรือเหงื่อของผู้สวมใส่ และขอบอกว่ามันคือ เทคโนโลยีแบบเดียวกันกับที่ใช้ในเครื่องจับเท็จ นั่นเอง (เอาให้แฟนใส่แล้วจับโกหกแฟนได้ไหมเนี่ย – -!!)
– Microphone ใช้สำหรับการสั่งการสำหรับ Windows phone
– สามารถรองรับการทำงานระบบปฏิบัติการ iOS 7.1, Android 4.3 และ Windows phone 8.1
– มีระบบการรองรับการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนหลากหลายระบบ
ข้อเสียของเจ้า Microsoft Band
– ในส่วนของข้อเสียของเจ้า Microsoft Band นั้นในเรื่องระบบการใช้งานแทบจะไม่มีให้เห็นเลยก็ว่าได้ แต่ในส่วนของการออกแบบตัวสินค้านั้นถือว่าค่อนข้างมีปัญหาเลยทีเดียว เช่น
– ตัวสายไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้นั่นหมายความว่าต้องใช้สายที่ซื้อมาแต่แรกจนหมดอายุการใช้งาน หรือถ้าสายขาดก็อาจจะเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว เพราะอาจจะต้องส่งศูนย์เพื่อเปลี่ยนตัวใหม่
– ระบบ GPS ค่อนข้างใช้พลังงานสูง เพราะเมื่อเปิดใช้จะทำให้การชาร์จ 1 ครั้งจากที่สามารถใช้ได้ 48 ชั่วโมงจะเหลือเพียงแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น
– สายรัดปรับขนาดได้น้อย คนอ้วนที่ออกกำลังกายและจนสามารถลดขนาดร่างกายได้มากกว่า 20 – 30 กิโลกรัม ถือว่าเป็นปัญหาเลยทีเดียว เพราะสายรัดปรับขนาดได้น้อย อีกทั้งไม่สามารถเปลี่ยนสายได้ งานนี้อาจจะต้องซื้อใหม่
ถ้าดูข้อมูลโดยรวมของเจ้า Microsoft Band นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่นำมาตีตลาด Fitness tracker โดยเฉพาะ เพราะนอกจากจะมีระบบและฟังก์ชั่นมากมายแล้ว ในอนาคต Microsoft ยังเตรียมแผนการพัฒนาแอพพลิเคชั่นเสริมของเจ้า Microsoft Band นี้ไว้อีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมแห่งการออกกำลังกายที่น่าจับตามองในปี 2015 นี้